5 เทรนด์การทำงานที่ต้องปรับตัวในปี 2023

TL;DR – ยาวไปไม่อ่าน

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าปีที่แล้วเป็นอีกปีที่วุ่นวายในการทำงาน ด้วยอัตราการลาออกของพนักงานที่สูงอย่างต่อเนื่อง เงินเฟ้อ เศรษฐกิจถดถอย และอื่นๆ อีกมากมาย ในปี 2023 ทั้งผู้ประกอบการและพนักงานยังคงจะต้องเผชิญกับความท้าทายที่สำคัญที่เปลี่ยนแปลง วันนี้ taxcount จะมาเล่าถึงสิ่งที่ต้องปรับตัว สำหรับเทรนด์การทำงานในปี 2023 นี้

เมื่อเราเข้าสู่ปี 2023 นี้ สิ่งที่ผู้ประกอบการและพนักงานต่างต้องเผชิญคือการปรับตัวให้เข้ากับเทรนด์การทำงานที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องในช่วงหลังๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากปีที่ผ่านมาที่เต็มไปด้วยอุปสรรคต่างๆ เช่น การลาออกของพนักงานสูงอย่างต่อเนื่อง การเจริญเติบโตของตลาดแบบไม่แน่นอน และการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในบทความนี้ taxcount จะมาแนะนำเทรนด์การทำงานที่สำคัญที่ผู้ประกอบการและพนักงานควรรู้จักและปรับตัวให้เข้ากับสมัย เช่น Hybrid flexibility, Diversity, Equity & Inclusion (DEI), Quiet hiring, Pursuit of nontraditional candidates และ Healing pandemic trauma โดยทุกเทรนด์นี้มีบทบาทสำคัญในการปรับตัวเข้ากับการทำงานในยุคปัจจุบัน ดังนั้น คุณไม่ควรพลาดการอ่านบทความนี้ เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมกับการทำงานในปี 2023 นี้อย่างเต็มที่!

5 สิ่งที่ต้องปรับตัว สำหรับเทรนด์การทำงานในปี 2023

Hybrid flexibility

จากการผ่านสถานการณ์โควิด-19 มา การทำงานแบบ Hybrid เป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่เกิดขึ้น โดยการทำงานนั้นอาจจะไม่ต้องเข้าออฟฟิศแบบเต็มรูปแบบ อาจจะเข้าบ้างไม่เข้าบ้าง ระยะเวลาในการทำงานยืดยุ่นมากขึ้น ทำงานเสร็จก็กลับบ้าน ให้อิสระในการทำงานแก่พนักงาน

Diversity, Equity & Inclusion (DEI)

คุณคงอาจจะยังไม่คุ้นกับคำเหล่านี้ซึ่ง DEI คือแนวคิดร่วมสมัย โดยประกอบไปด้วย Diversity (ความหลากหลาย), Equity (ความเท่าเทียม) and Inclusion (การอยู่ร่วมกัน) โดยการสร้างพื้นที่ให้แก่พนักงานอย่างการยอมรับความแตกต่างทางเพศอย่างไม่แบ่งแยก ไม่มีเรื่องเพศเป็นข้อจำกัด หากคุณมีความสามารถ รวมถึงการอยู่ร่วมกันแบบรับฟังความคิดเห็น

Quiet hiring

ในช่วงปีที่ผ่านมาอาจจะคุ้นกับคำนี้ Quiet hiring นั้นเป็นแนวคิดมาจากการ Quite quit ของพนักงานที่มักจะปฎิเสธทำในสิ่งที่เหนือกว่าหรือมากกว่าในสิ่งที่พวกเขาต้องการ โดยที่ Quiet hiring คือการให้คนทำงานทำมากกว่าบทบาทเดิมที่ได้รับ เป็นวิธีการรับทักษะและความสามารถใหม่ ๆ โดยไม่ต้องเพิ่มจำนวนพนักงานประจำ

Pursuit of nontraditional candidates

Pursuit of nontraditional candidates คือการแสวงหาผู้สมัครงานแบบใหม่ที่ไม่เหมือนเดิม โดยที่ทางบริษัทมีทัศนคติที่เปิดกว้าง ไม่จำเป็นที่คุณต้องจบหรือทำงานก่อนหน้ามาตรงสายกับสิ่งที่สมัคร ความคิด ทัศนคติและความสามารถคือสิ่งที่บริษัทมองว่าสำคัญมากกว่า

Healing pandemic trauma

เมื่อเราได้ผ่านวิกฤตจากโควิด-19 มาแล้ว อะดรีนาลีนที่เคยมีมาก็หมดลง ปล่อยให้พนักงานต้องรับมือกับผลกระทบทางร่างกายและจิตในระยะยาว ความเครียดและความกังวลของพนักงานก็เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ผู้ประกอบการจึงจะต้องเข้าใจถึงปัญหาและ แก้ปัญหาเหล่านี้ได้โดยการออกนโยบายต่างๆ โดยให้อิสระแก่พนักงานออกไปพักผ่อนอย่างการเพิ่มวันลา เพิ่มงบในการเอนเตอร์เทนต์ให้แก่พนักงานมากขึ้น เพื่อสร้างสุขภาพจิตให้พนักงาน

เห็นได้ว่าเทรนด์ในการทำงานในยุคปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มมากขึ้น การคำนึงถึงสุขภาพจิตใจและความเข้าใจ การยอมรับในความหลากหลาย มักมีบทบาทมากขึ้น ไม่ว่าคุณจะอยู่ในบทบาทไหนก็ตาม ทั้งพนักงานและผู้ประกอบการอย่างคุณเองต่างก็ต้องเรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยอยู่เสมอ