TL;DR – ยาวไปไม่อ่าน
การตลาด หรือ marketing คือหนึ่งในพาร์ทของการทำธุรกิจที่ขาดไม่ได้เลย เพราะเป็นส่วนที่จะทำให้ผู้คนรู้จักแบรนด์ และสินค้า/บริการของคุณ แต่คุณเคยสงสัยไหมว่า ในแต่ละเดือนที่เราเสียเงินไปกับการตลาดมากมาย แต่ผลลัพธ์มันไม่เป็นไปดังที่ตั้งเป้าหมายไว้ จนบางครั้งรู้สึกว่าเอาเงินไปละลายแม่น้ำหมด ในบทความนี้เราจะมาพูดถึง 5 ปัจจัยที่ทำให้แผนการตลาดของคุณไม่สำเร็จ พร้อมกับทางแก้ที่จะช่วยให้ marketing ของคุณปังขึ้น
5 เหตุผลที่ทำให้ marketing ของคุณไม่ปัง พร้อมวิธีแก้ไข
ไม่รู้ว่ากลุ่มเป้าหมายคือใคร
คำถามแรกก่อนที่คุณจะเริ่มทำการตลาด ควรเริ่มจาก “คุณทำให้ใครดู?” เพราะถ้าคุณยังตอบตรงนี้ไม่ได้ การทำ marketing ของคุณนั้นสูญเปล่าแน่นอน เพราะคุณไม่มีกำหนดกลุ่มเป้าหมาย (target audience) ที่ชัดเจน ทำให้การสื่อสารของคุณที่ส่งออกไปนั้น มันสุ่มมากๆ สมมติคุณส่งไปให้กับคน 1000 คน แต่คนที่เหมาะกับแบรนด์คุณอาจจะมีแค่ 100 คนเท่านั้น ทำให้คุณต้องเสียเงินกับ 900 คนที่ไม่ตรงกับแบรนด์คุณ ผมแนะนำว่าควรจะเป็นคนกลุ่มเดียวกันที่จะมาซื้อสินค้าหรือบริการของคุณ
ทางแก้: สร้าง persona ขึ้นมา (เปรียบเสมือนตัวละครในอุดมคติว่าคุณอยากได้ลูกค้าหน้าตาประมาณไหน มีความชอบอะไรบ้าง) โดยใช้ของมูลจากที่คุณมีของลูกค้าเก่า เช่น พฤติกรรม หรือ demographic เป็นต้น มันจะช่วยทำให้คุณเข้าใจ pain point ความต้องการ และความอยากของพวกเขาได้มากขึ้นด้วย
เสนอแต่ features มากกว่าประโยชน์ที่จะได้รับ
เป็นเรื่องที่ดีที่คุณอยากจะสื่อสารออกไปว่า สินค้า/บริการของคุณนั้นสามารถทำอะไรได้บ้าง แต่สิ่งหนึ่งที่ถูกมองข้ามไปคือ “แล้วพวกเขาจะได้รับประโยชน์อะไรจากมัน?”
ทางแก้: เขียนมันออกมาก่อนว่าสินค้าและบริการของคุณนั้นมีประโยชน์อะไรบ้าง ไปแก้ pain point อะไรให้กับพวกเขาได้บ้าง หลักจากนั้นคุณก็เพียงแค่ทำข้อมูลเหล่านี้มาทำ marketing campaign เช่น ถ้าคุณขายสกินแคร์ อย่าไปบอกแค่ว่าครีมของคุณนั้นมีส่วนผสมอะไรบ้าง แต่ให้เน้นย้ำไปด้วยว่า ถ้าคุณใช้ครีมตัวนี้แล้วจะช่วยให้ผิวของคุณดีขึ้นอย่างไร และอะไรที่จะทำให้เขาเปลี่ยนแปลงบ้างหลังจากใช้ครีมของคุณ
ความไม่สม่ำเสมอของตัวแบรนด์
ความสม่ำเสมอในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงจำนวน หรือความถี่ที่คุณโพสต์คอนเทนต์ลงไป (ประเด็นนี้อยู่ในข้อสุดท้าย) แต่ความไม่สม่ำเสมอในที่คือของข้อความที่สื่อสารออกไป หรือเรื่องราวในแบรนด์ของตัวเอง รวมถึงภาพลักษณ์ต่างๆ ที่คุณสื่อสารออกไป อาจจะพูดอีกมุมคือมันสะเปะสะปะไม่ไปในทิศทางเดียวกัน เช่นเรื่องของสี โลโก้ โทน ทำให้คุณขาด identity ของตัวเอง คุณอาจจะลองเลื่อนดูคอนเทนต์ในเพจองค์กรของคุณ เลื่อนดูไปเรื่อยๆ คุณลองถามกับตัวเองว่า ‘mood and tone มันสอดคล้องกันหรือเปล่า?”
ทางแก้: ลองกำหนดสีประจำองค์กรและออกแบบโลโก้เพื่อกำหนด mood และ tone ในการสื่อสารข้อความของคุณให้สอดคล้องกันในทิศทางเดียวกัน
ไม่ให้ความสำคัญกับเว็บไซต์
ไม่คุณจะทำธุรกิจแบบ B2B หรือ B2C เว็บไซต์ก็ยังเป็นส่วนสำคัญของธุรกิจคุณอยู่ เพราะมันเปรียบเสมือหน้าร้านของคุณอย่างแท้จริง (ไม่เหมือนกับที่คุณไปเปิดเพจบน platform อื่นๆ ลองคิดว่าดูว่า Facebook ล่มขึ้นมา ธุรกิจของคุณจะกระทบหนักขนาดไหน?) เมื่อลูกค้าของคุณต้องการรู้จักกับตัวคุณมากขึ้นก่อนที่จะตัดสินใจจ่ายเงิน เขาจะเข้ามาดูรายละเอียดที่เว็บไซต์ ดังนั้นประสบการณ์ (experience) ของพวกเขาระหว่างการใช้งานเว็บไซต์ของคุณก็สำคัญเช่นกัน ลองนึกภาพว่าคุณจะรู้สึกอย่างไร ถ้าเข้าเว็บไซต์เพื่อจะศึกษาของมูลสินค้า/บริการ แต่หน้าเว็บโหลดช้ามากๆ คุณจะทนรอ หรือจะปิดหน้าเว็บนั้นแล้วหาเจ้าอื่นแทน?
ทางแก้: การปรับปรุงเว็บไซต์ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องความสวยงาม แต่ควรให้ความสำคัญกับประสบการณ์ของผู้ใช้ (User Experience – UX) เช่น ความเร็วในการโหลดหน้าเว็บ การเข้าใช้งานในมือถือ การตอบโจทย์ขนาดหน้าจอที่หลากหลาย และการใช้งานง่ายของเมนูและปุ่มต่างๆ
มองข้าม Social Media ขององค์กร
การใช้ Social media เป็นเครื่องมือสำคัญในการเชื่อมต่อและสร้างความสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมาย แต่มีธุรกิจหลายแห่งที่ละเลยเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ Social media เช่น ไม่โพสต์บ่อยพอ ไม่ตอบข้อความ DM (Direct Message) หรือไม่ตอบคอมเมนต์ในโพสต์
ทางแก้: การทำ Content calendar จะช่วยให้คุณวางแผนการโพสต์เนื้อหาในเพจ Social media ทำให้คุณรู้ล่วงหน้าว่าในแต่ละเดือนควรโพสต์อะไร ในวันไหน และใช้เครื่องมือของแพลตฟอร์มต่างๆ เพื่อทำงานอย่างง่าย เช่น ตั้งเวลาโพสต์ล่วงหน้าเพื่อประหยัดเวลาในการทำงาน
บทความที่เกี่ยวข้อง: How-to: ใช้ ChatGPT เขียนบทความ พร้อม Prompts ทุกขั้นตอน