พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน: 3 สิ่งที่นายจ้างต้องรู้เกี่ยวกับการทำงานนอกสถานประกอบการ

TL;DR: – ยาวไป ไม่อ่าน

พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานฉบับที่ 8 ช่วยให้ผู้ประกอบการให้การจัดการทำงานนอกสถานประกอบการได้โดยสะดวกและเพิ่มคุณภาพชีวิตแรงงาน ในบทความนี้จะอธิบายรายละเอียดของ พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ 8) พ.ศ.2566 มาตรา 23/1 และสิทธิของลูกจ้างที่ทำงานนอกสถานประกอบการ รวมถึงวิธีการปฏิบัติตามกฎหมายและการป้องกันการละเมิดสิทธิ

บทความนี้ได้ใช้เทคโนโลยี AI (ChatGPT) เพื่อช่วยในการเขียน และด้วยการตรวจสอบโดยทีมงานของ taxcount คุณสามารถมั่นใจได้ว่าเนื้อหานี้มีความถูกต้องและน่าเชื่อถืออย่างแน่นอน

เจ้าของธุรกิจมีหลายเหตุผลที่ต้องการให้ลูกจ้างทำงานนอกสถานประกอบการ เช่น การลดค่าใช้จ่ายในการเช่าอาคารหรือการลดการเสียโอกาสธุรกิจ เมื่อลูกจ้างสามารถทำงานได้ที่บ้านหรือสถานที่อื่นใด ๆ ตามสะดวก โดยไม่ต้องเสียค่าเดินทาง แต่การจัดการทำงานนอกสถานประกอบการอาจพบปัญหาในการติดต่อสื่อสารและควบคุมงานของลูกจ้าง ที่บ้านหรือที่อื่นใด ๆ ที่ไม่ใช่สถานประกอบการ ซึ่งอาจมีผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานของลูกจ้าง ในบทความนี้ จะแนะนำให้คุณเข้าใจว่าพ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานฉบับที่ 8 มีมาตราหนึ่งสำหรับการจัดการทำงานนอกสถานประกอบการ ที่ช่วยให้ผู้ประกอบการให้การจัดการทำงานนอกสถานประกอบการได้โดยสะดวกและเพิ่มคุณภาพชีวิตแรงงาน โดยมีรายละเอียดในมาตรา 23/1

พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานฉบับที่ 8 มาตรา 23/1 มาตรา 23/1 และมีผลบังคับใช้เมื่อไหร่?

ได้กำหนดไว้ว่า ในกรณีที่มีความจำเป็นหรือเหมาะสมกับการปฏิบัติงาน นายจ้างและลูกจ้างอาจตกลงให้ลูกจ้างทำงานนอกสถานประกอบการได้ โดยสะดวกและไม่เป็นอันตรายต่อชีวิตและสุขภาพของลูกจ้าง นอกจากนี้ การตกลงต้องระบุรายละเอียดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเช่น ช่วงระยะเวลาการทำงาน วัน เวลาทางานปกติ เวลาพัก และการทางานล่วงเวลา ขอบเขตหน้าที่การทำงานของลูกจ้างและการควบคุมหรือกากับการทำงานของนายจ้าง ฯลฯ ซึ่งการตกลงต้องทำเป็นหนังสือหรือข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถเข้าถึงและนำกลับมาใช้ได้โดยความหมายไม่เปลี่ยนแปลง

พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ 8) พ.ศ.2566 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย. 66 เป็นต้นไป (ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 30 วัน นับแต่วันประกาศในพระราชกิจจานุเบกษา)

สิทธิของลูกจ้างที่ทำงานนอกสถานประกอบการ

ลูกจ้างที่ได้รับการตกลงให้ทำงานนอกสถานประกอบการตามมาตรา 23/1 จะมีสิทธิและอยู่ภายใต้การคุ้มครองตามกฏหมายแรงงานต่างๆ เช่นเดียวกับลูกจ้างที่ทำงานในสถานประกอบการเท่าเทียมกัน นั้นรวมถึงสิทธิในการขอวันหยุดพักร้อน วันหยุดประจำสัปดาห์ หรือวันหยุดพิเศษตามกฎหมาย การลาป่วย การลากิจ การลาพักร้อน การลาคลอดบุตร ฯลฯ อีกทั้งยังมีสิทธิในการรับค่าตอบแทนตามเงื่อนไขที่ตกลงกันแล้วโดยชัดเจน

วิธีการปฏิบัติตามกฎหมายและการป้องกันการละเมิดสิทธิ

นายจ้างจัดทำเป็นหนังสือหรือข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถเข้าถึง และนำกลับมาใช้ได้โดยความหมายไม่เปลี่ยนแปลงโดยอาจตกลงให้มีรายละเอียด เช่น

  1. ช่วงระยะเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดการตกลง
  2. วัน เวลาทำงานปกติ เวลาพัก และการทำงานล่วงเวลา
  3. หลักเกณฑ์การทำงานล่วงเวลาและทำงานในวันหยุดรวมทั้งการลาประเภทต่าง ๆ
  4. ขอบเขตหน้าที่การทำงานของลูกจ้างและการควบคุม หรือกำกับการทำงานของนายจ้าง
  5. ภาระหน้าที่เกี่ยวกับการจัดหาเครื่องมือหรืออุปกรณ์การทำงาน รวมทั้งค่าใช้จ่าย ต่าง ๆ ที่จำเป็น อันเนื่องจากการทำงาน

หากท่านเป็นผู้ประกอบการที่ต้องการให้ลูกจ้างของท่านทำงานนอกสถานประกอบการได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ควรรู้จักมาตรา 23/1 ของพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานฉบับที่ 8 และทำตามข้อกำหนดต่างๆ ให้เหมาะสม รวมถึงปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งยังควรให้ความสำคัญกับสิทธิและความปลอดภัยของลูกจ้างในการทำงานนอกสถานประกอบการด้วย