TL;DR – ยาวไปไม่อ่าน
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นเครื่องมือทางการเงินที่มีประโยชน์สำหรับผู้ประกอบการ เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือและความมั่นคงให้กับนายจ้าง หากลองสังเกตดูแล้วไม่ใช่แค่ลูกจ้างที่ได้ประโยชน์เพียงอย่างเดียว แต่นายจ้างก็ยังได้รับสิ่งดี ๆ กลับมาด้วยเช่นกัน
เมื่อคุณเป็นผู้ประกอบการคนหนึ่งคุณมีหน้าที่ที่ต้องดูแลและเพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจของคุณ นอกจากการพัฒนาศักยภาพของพนักงานและการเพิ่มยอดขาย การดูแลเรื่องการเงินเพื่อความมั่งคงเองก็เป็นสิ่งสำคัญอีกด้านหนึ่ง ในบทความนี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับข้อดีของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพสำหรับนายจ้าง และเหตุผลที่คุณควรพิจารณาใช้งานกองทุนเหล่านี้เพื่อเสริมสร้างความน่าเชื่อถือและความมั่นคงในอนาคตของคุณและพนักงานของคุณ
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพคืออะไร?
“กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ” หรือที่บางคนรู้จักกันในชื่อ “Provident Fund (PVD)” เป็นกองทุนที่นายจ้างและลูกจ้างร่วมกันใส่เงินเข้ากองทุนเพื่อเป็นหลักประกันทางการเงินยามเกษียณให้แก่ลูกจ้าง ให้มีเงินไว้ใช้จ่ายภายหลังจากสิ้นสุดการเป็นมนุษย์เงินเดือน และเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญสำหรับการออมระยะยาวเมื่อเกษียณสามารถมีเงินเป็นก้อนไว้ใช้จ่ายในวัยชรา
5 เหตุผลที่บริษัทควรมีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
การมีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพนั้น ไม่ได้มีข้อดีให้กับลูกจ้างเพียงอย่างเดียว แต่นายจ้างก็ได้รับประโยชน์เช่นกัน มาดู 5 เหตุผลที่คุณควรจะมีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้กับลูกจ้างของคุณ
เป็นสวัสดิการที่ดึงดูดผู้สมัครงาน
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นหนึ่งในปัจจัยที่มีความสำคัญในการดึงดูดและรักษาพนักงานที่มีความสามารถสูงให้อยู่กับคุณเป็นอย่างมาก เพราะเงินที่นายจ้างจะสมทบให้ เปรียบเสมือนได้รับเงินเดือนแต่ละเดือนเพิ่มขึ้น แถมเงินก้อนนี้ยังมีการนำไปบริหารจัดการโดยมืออาชีพเพื่อต่อยอดในระยะยาว ส่งผลให้นายจ้างมีตัวเลือกผู้สมัครงานมากขึ้น และมีโอกาสได้คัดเลือกคนเก่ง คนที่มีความสามารถ คนคุณภาพ ที่มีคุณสมบัติตรงตามที่ต้องการได้เหมาะสมที่สุด
บทความที่เกี่ยวข้อง: Checklist 7 สวัสดิการมัดใจพนักงาน!
สร้างความเชื่อมั่นให้กับพนักงาน
การมีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพช่วยสร้างความเชื่อมั่นและความมั่นคงให้กับพนักงาน พนักงานที่รู้ว่ามีการเตรียมเงินเลี้ยงชีพหลังเกษียณอย่างมั่นคงจะมีความสุขและพึงพอใจกับการทำงานของตนเอง และมีความผูกพันธ์ต่อองค์กรของคุณมากยิ่งขึ้น
บทความที่เกี่ยวข้อง: บริษัทควรทำอย่างไร? เมื่อพนักงานทำงานแป๊ปเดียวก็ลาออก
สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับนายจ้าง
คุณรู้หรือไม่ว่าในปัจจุบันในประเทศไทยมีเพียงนายจ้าง 4.3% เท่านั้น ที่มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นสวัสดิการให้แก่ลูกจ้าง นั่นแสดงให้เห็นว่านายจ้างกลุ่มนี้จะมีภาพลักษณ์ที่ดี เพราะเป็นการแสดงถึงความใส่ใจต่อลูกจ้างเพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีภายหลังเกษียณ นอกจากนี้ยังสะท้อนให้เห็นว่านายจ้างมีความมั่นคงทางด้านการเงิน และมีความสามารถในการสมทบเงินเข้ากองทุนโดยไม่เกิดผลกระทบต่อการดำเนินงานของนายจ้าง
ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี
นอกจากจะมีประโยชน์ที่สร้างความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์ที่ดีให้กับคุณแล้ว คุณยังสามารถนำเงินที่จ่ายสมทบเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพไปหักเป็นค่าใช้จ่ายได้เพิ่มขึ้นทั้งจำนวน ส่งผลให้นายจ้างได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี เสียภาษีน้อยลงกว่าเดิม สามารถประหยัดภาษีได้มากกว่านายจ้างที่ไม่มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพและสามารถนำเงินก้อนดังกล่าวไปต่อยอดการดำเนินธุรกิจของตนได้ต่อไป
สร้างความสัมพันธ์ระหว่างคุณและลูกจ้าง
การรับสมัครลูกจ้างใหม่เพื่อมาทดแทนลูกจ้างเก่านั้น นับว่าเป็นต้นทุนของนายจ้างที่เกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หากนายจ้างสามารถรักษาหรือยืดระยะเวลาการทำงานของลูกจ้างที่มีศักยภาพ โดยให้กองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นเครื่องมือหนึ่งในการช่วยเหลือปัญหานี้ ด้วยการทำความเข้าใจกับลูกจ้างให้คำนึงถึงจำนวนเงินสมทบและผลประโยชน์ของเงินสมทบที่จะได้รับเพิ่มขึ้นหากยังคงทำงานต่อตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับ เช่น ถ้าลาออกตอนนี้จะไม่ได้รับเงินสมทบเลย แต่ถ้าทำงานต่ออีก 1 ปี มีเวลาทำงานครบตามที่กำหนด จะได้รับเงินสมทบและผลประโยชน์รวม 30% ของทั้งหมด ซึ่งถ้าลูกจ้างยินดีที่จะทำงานต่อก็เป็นสถานการณ์ที่ได้ประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย
จากประโยชน์และข้อดีทั้งหมดจากบทความข้างต้นนั้น ไม่เพียงแต่ลูกจ้างที่ได้ประโยชน์เพียงอย่างเดียว แต่นายจ้างก็ยังได้รับสิ่งดี ๆ กลับมาด้วยเช่นกัน หวังว่าบทความนี้จะทำให้คุณเห็นภาพถึงประโยชน์ของการมีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพในด้านของนายจ้างให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น